การดูแลผิวเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บางคนเหมาะกับการใช้ซี่รั่ม ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนไม่ได้เหมาะเหมือนกัน หรือ บางคนชอบใช้แผ่นมาส์กหน้า ในขณะที่อีกหลายคนลงตัวกับมาส์กโคลนมากกว่า ดังนั้น แท้จริงแล้ว การดูแลผิวจึงไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น การรักษาความชุ่มชื่นก็ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนดูแลผิวที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการทำความสะอาดผิวหน้า เพราะการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์เป็นประจำ ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน (โดยเฉพาะผิวชั้นนอกสุด) แต่ยังช่วยต้านทานการเกิดสัญญาณความร่วงโรยแห่งวัย พร้อมทั้งช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดียิ่งขึ้นในคราวเดียวกัน เพียงแต่ การเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีมากมายในตลาดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงนำวิธีเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแต่ละประเภทมาช่วยคลายความสับสนให้คุณ!

 

1. ผิวมันและเป็นสิวง่าย

 

1. oily and acne

ผิวมันกับปัญหาสิว แทบจะเป็นของคู่กันจนยากจะแยกได้ การแก้ปัญหาสิวจึงจำเป็นต้องมาคู่กับการควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวหน้าด้วยเช่นกัน การมีผิวมันไม่ได้หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ เพราะมอยซ์เจอไรเซอร์ที่สามารถควบคุมการผลิตน้ำมัน ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้ การเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับผิวมันจึงค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากผิวมันไม่ได้หมายถึงผิวชุ่มชื่น ดังนั้น การใช้มอยซ์เจอไรเซอร์แบบผิด ๆ จะทำให้รู้สึกเหนอะหนะ หนักผิว และ เท่ากับยิ่งซ้ำเติมสภาพผิวหน้าของคุณให้แย่ไปกว่าเดิม

 

คำแนะนำ

เราขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการใช้ CHR Essentials Intense Moisturizer UV Protection มอยซ์เจอไรเซอร์ทรงประสิทธิภาพที่เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม พร้อมทั้งมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากอันตรายของรังสียูวี ส่วนเวลากลางคืน หลังทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว สภาพผิวของคุณจะเหมาะกับ CHR Essentials Night Cream ครีมบำรุงที่ให้คุณค่าความชุ่มชื่นสูงด้วยส่วนผสมสำคัญของ Natural Moisturizing Factor, Soluble Collagen, Vital Nutrients และ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์อย่างถูกประเภทถูกเวลาคู่นี้ จะช่วยให้ผิวคุณได้รับความชุ่มชื่นอิ่มน้ำอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวในคราวเดียวกัน ส่งผลให้ผิวคุณแข็งแรง สุขภาพดี และ กลับมีชีวิตชีวาได้อีกครั้งในทุก ๆ เช้า

 

2. ผิวแห้งและแพ้ง่าย

 

2. dry and sensitive skin

 

คงไม่มีผิวประเภทใดที่จะกระหายมอยซ์เจอไรเซอร์เท่ากับผิวแห้งและแพ้ง่ายอีกแล้ว มอยซ์เจอไรเซอร์จึงถือเป็นสกินแคร์ที่งดเว้นไม่ได้โดยเด็ดขาดสำหรับใครก็ตามที่เป็นเจ้าของผิวประเภทนี้ การมีสภาพผิวแห้ง ‘โดยกำเนิด’ ยังอาจต้องเผชิญกับปัญหาผิวรุนแรงยิ่งขึ้นจากหลายปัจจัย ในขณะที่ผิวแพ้ง่ายจะขาดเกราะป้องกันที่ดีเมื่อต้องเผชิญกับแบคทีเรียและมลพิษ ดังนั้น การดูแลผิวให้มีความชุ่มชื่น อิ่มน้ำ ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาได้อย่างตรงประเด็นที่สุดสำหรับผิวแห้งและแพ้ง่าย

 

คำแนะนำ

เริ่มต้นยามเช้าของทุกวันด้วย Hydra Botanic Total Hydrating Emulsion มอยซ์เจอไรเซอร์ที่จะช่วยปลอบประโลมดูแลผิวให้แข็งแรง พร้อมกับฟื้นฟูผิวให้ดูมีชีวิตชีวา ส่วนเวลากลางคืน ขอแนะนำให้คุณใช้ Hydra Botanic Total Hydrating Cream ครีมบำรุงผิวสำหรับกลางคืนที่ให้ทั้งความชุ่มชื่นพร้อมกับเติมสารอาหารสำคัญให้แก่ผิว ความจริงแล้ว ทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้เหมาะกับผิวทุกประเภท แต่จะเหมาะมากเป็นพิเศษสำหรับผิวแห้งและแพ้ง่าย

 

3. ผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ และ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

 

3. Brightening, Dark Spots, Uneven Skin Tone

 

ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ, หมองคล้ำ, รอยแผลเป็นจากสิว และ ปัจจัยรบกวนจากสภาพแวดล้อม มักจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ดังนั้น มอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสจึงเป็นคำตอบที่ “ใช่” สำหรับผิวหน้าของคุณ

 

คำแนะนำ

ปกป้องพร้อมทั้งรักษาความชุ่มชื่นของผิวด้วย Clear White Supreme Protective Day Lotion SPF30 PA+++ โลชันสำหรับกลางวันที่ทรงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวี พร้อมทั้งปรับสีผิวหมองคล้ำให้ดูกระจ่างใส ด้วยส่วนประกอบสำคัญที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า สามารถปลอบประโลมผิวพร้อมกับลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้จริง และ ยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถใช้แทนเมคอัพเบสได้ในคราวเดียวกันด้วย ส่วนการดูแลผิวในเวลาค่ำคืน เราขอแนะนำ Clear White Supreme Enhancing Night Cream ครีมบำรุงสำหรับกลางคืนที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างเมลานินซึ่งเป็นการแก้ปัญหาผิวคล้ำจากต้นเหตุ พร้อมด้วยส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพอย่าง AA2G (วิตามินซี) และ ส่วนผสมสำคัญอีกนานาชนิดที่สามารถดูแลผิวคุณให้กระจ่างใสแบบชั่วข้ามคืนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

4. ผิวมีริ้วรอยก่อนวัย

 

4. Early Aging Signs

 

สัญญาณความร่วงโรยแห่งวัยอาจปรากฏขึ้นก่อนเวลาอันควรได้ และ ปัญหาของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย, จุดด่างดำตามวัย (Age Spots), ความแห้งกร้าน, ผิวซีด ขาดความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ, จุดด่างดำจากการสร้างเม็ดสีมากขึ้น (Hyperpigmentation) บริเวณหน้าอก และ ความหย่อนคล้อย แต่ข่าวดี คือ การเลือกใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหาความร่วงโรยก่อนวัยให้คุณได้

 

คำแนะนำ

ควรเลือกใช้ Procollagen Extrema Day Lotion SPF 30 PA+++ มอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับกลางวันที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวี พร้อมทั้งช่วยลดสัญญาณความร่วงโรยก่อนวัยและปัญหาผิวที่เกิดจากการต้องเผชิญกับรังสียูวี ส่วนเวลากลางคืน คงไม่มีอะไรจะตอบโจทย์สำหรับผิวคุณได้ดีไปกว่า Procollagen Extrema Night Cream ครีมบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการเกิดสัญญาณความร่วงโรยก่อนวัย ที่จะช่วยดูแลผิวคุณให้ชุ่มชื่นและอิ่มน้ำได้ตลอดค่ำคืน

 

5. ผิวที่ร่วงโรยตามวัย

5. Aging Mature Skin

 

เมื่ออายุมากขึ้น เราอาจไม่สามารถปกป้องผิวจากสัญญาณความร่วงโรยแห่งวัยได้ทั้งหมด แต่ก็ยังสามารถดูแลผิวให้คงความอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น ควบคู่ไปกับการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับเข้าสู่วัยที่เพิ่มขึ้นได้อย่างสง่างาม ซึ่งการรักษาความชุ่มชื่น เป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยืดเวลาของผิววัยเยาว์ให้คงอยู่กับคุณได้ยาวนานที่สุด

 

คำแนะนำ

การเติมคอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลผิวให้คง ‘ความอ่อนเยาว์’ ได้ยาวนานและทรงประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งคุณจะพบคุณสมบัตินั้นได้จาก Procollagen Supreme Caviar Face Cream ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมแสนโก้หรูภายใต้สูตรที่คิดค้นขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและเซราไมด์จากภายในได้อย่างทรงประสิทธิภาพ เพื่อยืดอายุความอ่อนเยาว์ของผิวให้ยาวนาน พร้อมทั้งดูแลผิวคุณให้สดใส และ ดูกระชับยิ่งขึ้น

ULTIMA II | The Ageless Expert Founded in New York

SUBSCRIBE NOW